สิ่งมีชีวิต คืออะไร
สิ่งมีชีวิต คือ สิ่งที่เคลื่อนไหวได้
หายใจได้ สืบพันธุ์ได้ เจริญเติบโตได้ ฯลฯ
สิ่งต่างๆ ที่พบเห็นอยู่ทั่วไป
ทุกคนสามารถแยกได้ว่า สิ่งใดเป็นสิ่งมีชีวิต ซากของสิ่งมีชีวิต หรือสิ่งไม่มีชีวิต
แต่อาจมีสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่หลายคนอาจบอกไม่ได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ เช่น ฟองน้ำ
ปะการัง ไดอะตอม ดาวมงกุฎหนาม เป็นต้น
จึงเป็นสิ่งที่น่าสงสัยว่า นักชีววิทยาใช้เกณฑ์อะไรในการจำแนกสิ่งที่พบเห็นว่าเป็นสิ่งมีชีวิต
เกณฑ์ที่นักชีววิทยาใช้ในการจำแนกสิ่งที่พบเห็นว่าเป็นสิ่งมีชีวิตคือ
1. สิ่งมีชีวิตมีการสืบพันธุ์
ปลาหางนกยูง จากการเริ่มต้นเลี้ยงปลาเพียง 4-5 คู่หลังจากนั้นประมาณ 1
เดือนจะมีลูกปลาหางนกยูงเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากลูกปลาเหล่านี้ย่อมเกิดมาจากการผสมของอสุจิจากพ่อปลาและไข่จากแม่ปลาเกิดกระบวนการปฏิสนธิกลายเป็นไซโกต
ซึ่งจะเจริญเป็นเอ็มบริโอและตัวเต็มวัยที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับพ่อแม่
2.สิ่งมีชีวิตต้องการสารอาหารและพลังงาน
จะเห็นได้ว่าการสืบพันธุ์
เป็นลักษณะสําคัญของสิ่งมีชีวิตการสืบพันธุ์เป็นกระบวนการเพิ่มจำนวนของสปีชีส์เดียวกันเพื่อดำรงรักษาเผาพันธุ์ไว้ในการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง
สัตว์ได้พลังงานโดยการกินสัตว์หรือพืชอื่นเป็นอาหาร
เช่น คางคกกินแมลงส่วนพืชต้องการน้ำ แสง และ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
มนุษย์ก็ต้องการอาหารทุกวัน
ถ้าคนและสัตว์อดอาหารนานๆก็จะตายในที่สุดสิ่งมีชีวิตจะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ถ้าปราศจากอาหารและพลังงาน
ในอาหาร มีสารอาหารช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายเจริญเติบโต ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ชำรุดสารอาหารเหล่านี้บางชนิดสลายแล้วให้พลังงานเพื่อใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆของร่างกาย
เช่นการเคลื่อนไหวของร่างกาย รวมทั้งปฏิกิริยาเคมีภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตที่
เรียกว่า เมแทบอลิซึม (metabolism) ก็ต้องใช้พลังงานจากสารอาหาร
3.สิ่งมีชีวิตมีการเจริญเติบโตมีอายุขัยและขนาดจำกัด
เซลล์ไข่ของคนมีขนาด 100 ไมโครเมตร
ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เมื่อเกิดการปฏิสนธิแล้วจะเดินเป็น
4. สิ่งมีชีวิตมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้า
ไซโกตและเอ็มบริโอจนกระทั่งพัฒนาและคลอดออกมาเป็นทารก
มีขนาดความยาว 50-65 เซนติเมตรและมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 2800-3800
กรัมเมื่อมีการเจริญเติบโตจนถึงวัยผู้ใหญ่บางคนอาจมีด้านการสูงถึง
160-180 เซนติเมตรและมีน้ำหนักตัวมากถึง
50 กิโลกรัม แสดงว่าสิ่งมีชีวิตมีการเจริญเติบโต
การเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตเซลล์มีการเพิ่มจำนวน มีการเพิ่มขนาด
มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อทำหน้าที่เฉพาะอย่างและมีการรวมกลุ่มของเซลล์เพื่อพัฒนาเป็นเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ
สิ่งมีชีวิตบางชนิดขนาดเจริญเติบโตไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เป็นสิ่งมีชีวิตบางชนิดขณะเจริญเติบโตมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและโครงสร้างของร่างกายแตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัดเจนเช่น
ผีเสื้อยุง กบ
4. สิ่งมีชีวิตมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้า
สิ่งมีชีวิตมีการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อหาอาหาร หลบหลีกภัยจากศัตรู และมีการปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเช่น
อากาศที่หนาวจัดร้อนจัดเกินไป
ทั้งนี้เพื่อความอยู่รอด
สภาพของสิ่งแวดล้อมที่ทำให้สิ่งมีชีวิตแสดงพฤติกรรม เรียกว่า สิ่งเร้า (stimulus)
สิ่งเร้าของสิ่งมีชีวิตมีทั้งสิ่งเร้าภายในและภายนอกร่างกายของสิ่งมีชีวิตและการแสดงออกของสิ่งมีชีวิตต่อสิ่งเร้า เรียกว่าการตอบสนอง(response) เช่น
ทานตะวันจะหันดอกเข้าหาแสงอาทิตย์,ดอกบัวบางชนิดจะบานในตอนเช้าและจะหุบในตอนเย็น, กิ้งกือเมื่อโดนสัมผัสจะหดตัว
5.สิ่งมีชีวิตมีการรักษาดุลยภาพของร่างกาย
พบว่าโครงสร้างภายในเซลล์ที่ เรียกว่า คอนแทร็กไทล์แวคิวโอล
(contractilevacuole)
มีการเปลี่ยนแปลงทั้งขนาดและรูปร่าง
คอนแทร็กไทล์แวคิวโอลจะเปลี่ยนแปลงขนาดและรูปร่างเนื่องจากสารละลายในสภาพแวดล้อมภายนอกเซลล์มีความเข้มข้นน้อยกว่าสารละลายภายในเซลล์จึงเกิดการออสโมซิสของน้ำจาภายนอกเข้าสู่ภายในเซลล์ตลอดเวลาและถ้าน้ำเข้าไปในเซลล์มากขึ้นเซลล์จะขยายขนาดจนอาจทำให้เซลล์แตก
พารามีเซียมจึงต้องมีกลไกเพื่อรักษาสมดุลของน้ำและสารละลายระหว่างสภาพแวดล้อมภายนอกเซลล์และภายในเซลล์โดยมีการลำเลียงของเหลวเข้าสู่คอนแทร็กไทล์แวคิวโอล
ทำให้คอนแทร็กไทล์แวคิวโอลมีขนาดใหญ่ขยายขนาดเต็มที่และบีบตัวให้ของเหลวส่วนเกินนี้ออกนอกเซลล์
6. สิ่งมีชีวิตมีลักษณะจำเพาะ
ทุกคนสามารถระบุชื่อของสิ่งมีชีวิตได้ถูกต้อง
เพราะสิ่งมีชีวิตจะมีลักษณะจำเพาะ อาจสังเกตได้จากลักษณะภายนอก เช่น รูปร่าง ขนาด
ความสูง สีผิว ลักษณะเส้นขน จำนวนขา ลักษณะพื้นผิวที่เรียบ หรือขรุขระ การดมกลิ่น
หรือแม้แต่เสียงร้องของสัตว์ ถ้ามีความชำนาญก็สามารถบอกได้ว่าเป็นสัตว์ชนิดใด
แสดงว่าสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดก็จะมีลักษณะจำเพาะเป็นเอกลักษณ์ตามลักษณะของสิ่งมีชีวิต
ซึ่งแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น